ไม่กินมื้อเช้าเสี่ยงเจอ 5 อาการเหล่านี้

โรคอ้วน โรคเบาหวาน รวมทั้งโรคหัวใจ

จากการสัมมนารายปีของสโมสรโรคหัวใจ (American Heart Association) มีการเสนอผลของการวิจัยชื่อว่า Cardia Study ที่ศึกษาค้นพบว่า อัตราการเกิดโรคที่เรียกว่าภาวการณ์ดื้อรั้นต่ออินซูลิน ที่ทำให้อ้วนรวมทั้งเป็นโรคเบาหวาน มีอัตราต่ำลงในคนที่ทานอาหารตอนเช้าทุกวัน ๆ ถึง 35-50% เทียบกับคนที่ไม่รับประทาน 

แผนกนักค้นคว้ามั่นใจว่า ข้าวเช้าเป็นของกินมื้อที่สำคัญที่สุดสำหรับในการช่วยสุขภาพร่างกายไม่ให้เกิดโรคเบาหวานและก็โรคที่เกี่ยวกับเส้นโลหิตหัวใจ โดยผู้ที่อดอาหารตอนเช้า สมองจะหลั่งสารนิวโรเปปไทด์ วาย (Neuropeptide Y) ซึ่งจะมีผลให้พวกเราทานอาหารเพิ่มมากขึ้นโดยไม่คาดคิด ทำให้รับประทานจุบรับประทานจิบตลอดวัน และก็รับประทานอาหารในมื้ออื่นมากยิ่งขึ้น ทำให้เพิ่มโอกาสทำให้เกิดโรคอ้วนขึ้นได้ง่ายๆ

อัลไซเมอร์

เป็นโรคหลง ๆ ลืม ๆ ที่คนไม่ใช่น้อยเป็นกัน แล้วก็มีความคิดว่าผู้สูงอายุเพียงแค่นั้นที่จะเป็น แต่ว่าถ้าหากพวกเราขาดอาหารตอนเช้า สมองจะขาดสารอาหารไปด้วย ทำให้ยิ่งเพิ่มโอกาสเป็นโรคหลง ๆ ลืม ๆ ความจำไม่ดี ตั้งแต่อายุยังน้อย รวมทั้งเพิ่มโอกาสเป็นอัลไซเมอร์ได้มากขึ้น

ร่างกายย่ำแย่

ทั้งคืนที่เราไม่ได้ทานอะไรเลย เมื่อตื่นเช้ามาร่างกายจะมีพลังงานน้อย หากไม่ได้ทานมื้อเช้าเพื่อเติมพลังงาน ร่างกายก็จะดึงสารอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นออกมา ซึ่งภายใต้วิธีการนี้จะทำให้มีกรดประเภทหนึ่งออกมาด้วย เมื่อร่างกายจำต้องผลิตกรดออกมาเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน พวกเราก็จะเป็นโรคตามมาหลายชนิด ดังเช่น โรคมะเร็ง หัวใจ

มักจะมีอาการ หงุดหงิด รำคาญ โมโหง่าย อ่อนแรง

เมื่อตื่นในช่วงเช้าระดับน้ำตาลในเลือดของพวกเราจะต่ำ อีกทั้งเรายังอดอาหารเช้า ร่างกายจะไปดึงพลังงานจากที่สะสมไว้ที่ตับ เพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายและระบบต่าง ๆ ดำเนินการเป็นปกติ อย่างไรก็ตามที่พลังงานส่วนนี้ถูกใช้จนกระทั่งหมดไป ในตอนเวลาเช้าระดับน้ำตาลในเลือดก็จะต่ำอยู่อย่างงั้น ทำให้พวกเรารู้สึกรำคาญโกรธง่ายแล้วก็อ่อนล้า ส่วนผู้ที่ทานอาหารเช้าจะมีพลังงานสำหรับในการดำเนินกิจกรรมในชีวิตได้เป็นเวลายาวนานกว่า และก็มีความอ่อนแรงในตอนกลางวันน้อยกว่าผู้ที่อดอาหารเช้า

สมองดำเนินงานไม่ดีซักเท่าไหร่

มีงานวิจัยหลายเรื่องที่กล่าวว่า การกินอาหารมื้อเช้าส่งผลต่อการศึกษาเล่าเรียนของผู้เรียน เพราะเหตุว่าหากสมองได้รับสารอาหารน้อยเกินไป สมองก็จะไม่รับข้อมูล หรือสิ่งต่าง ๆ ทำให้เข้าใจที่คุณครูสอนได้น้อยลง หรือสมาธิสำหรับในการเรียนต่ำ บางบุคคลไปสอบโดยอดอาหารตอนเช้าก็จะทำข้อสอบได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ รวมทั้งเด็กที่อยู่ในวัยเติบโต ถ้าหากได้รับสารอาหารน้อยเกินไป ก็อาจจะเป็นผลให้มีความฉลาดทางสติปัญญาต่ำแล้วก็สุขภาพไม่ดีได้

 

สนับสนุนโดย    หวยจับยี่กีเล่นยังไง

5 วิธีขจัดความเครียดง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

       ความเครียด เป็นความรู้สึกทางด้านลบของอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับเราทุกคนได้ตลอดเวลา เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคที่เข้ามากระทบกับชีวิต เวลาเครียดคนเราจะรู้สึกไม่สบายใจ วิตกกังวล นอนไม่หลับ เจ็บป่วย  หรือแสดงอาการหงุดหงิดง่าย  เราต้องมีการเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเครียดนั้นให้ได้ เพื่อที่จะดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข  ซึ่งวิธีการจัดการกับความเครียดนั้นทำได้ด้วยตัวคุณเองทั้งสิ้น มาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้าง

1.ออกกำลังกาย   การออกกำลังกายเป็นการหลั่งสารฮอร์โมเอนดอร์ฟินออกมา หากคุณรู้สึกเครียดจากการทำงาน การลุกขึ้นเพื่อไปเดินขึ้นลงบันได ก็จะทำให้เราหยุดคิดเรื่องเครียด หรือเรื่องที่กังวลใจไปได้ระยะหนึ่ง และยังช่วยให้กล้ามเนื้อที่หดดึงจากความเครียดค่อยๆคลายตัวออก หลังจากออกกำลังกายจึงรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัว ยิ่งได้ออกกำลังกายทุกวันร่างกายก็จะมีสารแห่งความสุขออกมามาก

2.นั่งสมาธิ   การนั่งสมาธิทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ลองสังเกตตัวเองดูสิว่าเมื่อเวลาเกิดความเครียด เราจะคิดเรื่องแต่นั้นซ้ำไปซ้ำมา ทำให้รู้สึกกังวล กระสับกระส่าย จิตใจไม่สงบสุข  แนะนำว่าให้ลองหยุดคิดและมานั่งสมาธิกำหนดจิต ฝึกลมหายใจเข้าออก โฟกัสไปที่การกำหนดลมหายใจ ก็จะทำให้เราลืมเรื่องความเครียดความทุกข์ใจไปได้ชั่วขณะ  

3.จัดสรรเวลาให้กับชีวิต  การจัดสรรเวลาจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้น โดยต้องแยกให้ออกว่าตอนนี้เป็นเวลาของการทำงานหรือเป็นเวลาส่วนตัว ใน 8 ชั่วโมงของการทำงานเราจะทุ่มเทกับงานเต็มที่ แต่หลังจากเลิกงานไปแล้วเราควรจะหยุดคิดเรื่องงาน โฟกัสไปที่ครอบครัว ไม่เอาความเครียดต่างๆไปลงกับครอบครัว เพราะเวลาในการใช้ชีวิตส่วนตัวเป็นเวลาของความสุขที่เราจะต้องมอบให้คนภายในครอบครัว เช่น พูดคุยเรื่องสนุกๆ ทานอาหารด้วยกัน ดูทีวี ซึ่งก็เป็นวิธีที่ช่วยจัดการกับความเครียดได้ดีเลย

  1. ผ่อนคลายด้วยการดูหนังฟังเพลง    การนั่งจมอยู่กับปัญหาคิดซ้ำๆเดิมๆวนอยู่แบบนั้นอาจไม่มีอะไรดีขึ้น ควรหาวิธีผ่อนคลายจากความเครียดด้วยการดึงตัวเองออกมาจากความคิดนั้นซะ ไปหากิจกรรมดีๆที่สร้างสรรค์ทำเช่น การนอนดูหนัง   ฟังเพลงที่ชอบ แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีในการแก้ปัญหา แต่มันทำให้สมองของเราปลอดโปร่ง และอาจช่วยให้เรากลับมาคิดหาทางแก้ไขเรื่องที่เครียดนั้นได้
  2. ปรับมุมมองและทัศนะคติ   บางครั้งปัญหาหรือเรื่องที่เครียดในที่ทำงาน เราพบว่ามันมาจากผู้อื่นซึ่งเราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพวกเขาเหล่านั้นได้ ให้เราหันกลับมามองตัวเองและปรับมุมมองความคิดของเราซะใหม่ โดยพยายามมองข้ามเรื่องเล็กน้อยหรือพฤติกรรมของคนที่เราไม่ชอบ ไม่ไปใส่ใจหรือสนใจ ทำงานในส่วนของเราให้ผลงานออกมาดีก็พอ คิดได้แบบนี้ก็จะทำให้เราหายเครียดและยังเป็นการป้องกันตัวเองจากความทุกข์ต่างๆที่จะเข้ามากระทบกับชีวิตเราได้อีกด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    หวยจับยี่กีเล่นยังไง